ประเทศฝรั่งเศส
ฝรั่งเศส (France) หรือ สาธารณรัฐฝรั่งเศส (ฝรั่งเศส: République Française) เป็นประเทศที่มีศูนย์กลางตั้งอยู่ในภูมิภาคยุโรปตะวันตก ทั้งยังประกอบไปด้วยเกาะและดินแดนอื่น ๆ ในต่างทวีป ประเทศฝรั่งเศสแผ่นดินใหญ่ทอดตัวตั้งแต่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจนถึงช่องแคบอังกฤษและทะเลเหนือ และจากแม่น้ำไรน์จนถึงมหาสมุทรแอตแลนติก ชาวฝรั่งเศสมักเรียกแผ่นดินใหญ่ว่า หกเหลี่ยม (L'Hexagone) เนื่องจากรูปทรงทางกายภาพของประเทศ ประเทศฝรั่งเศสปกครองด้วยระบอบกึ่งประธานาธิบดีโดยยึดอุดมการณ์จากปฏิญญาว่าด้วยสิทธิของมนุษย์และของพลเมือง
ประเทศฝรั่งเศสมีพรมแดนติดกับประเทศเบลเยียม ลักเซมเบิร์ก เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี โมนาโก อันดอร์ราและสเปนและเนื่องจากประเทศฝรั่งเศสมีดินแดนโพ้นทะเลไว้ในครอบครอง ทำให้มีอาณาเขตติดกับประเทศบราซิล ซูรินาม และซินต์มาร์เตินของเนเธอร์แลนด์ อีกด้วย นอกจากนั้นประเทศฝรั่งเศสยังเชื่อมกับสหราชอาณาจักรทางอุโมงค์ช่องแคบอังกฤษอีกด้วย
ประเทศฝรั่งเศสเคยเป็นหนึ่งในประเทศมหาอำนาจของโลกตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 17 เป็นต้นมา ในคริสต์ศตวรรษที่ 18 และ19 จักรวรรดิฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในประเทศจักรวรรดินิยมที่มีอาณานิคมในครอบครองมากที่สุดในโลก แผ่อาณาเขตตั้งแต่แอฟริกาตะวันตกจนถึงเอเชียอาคเนย์ ซึ่งเห็นได้ชัดจากอิทธิพลทางวัฒนธรรม ภาษาและการเมืองการปกครองของดินแดนนั้น ๆ ประเทศฝรั่งเศสถูกจัดให้เป็นประเทศที่พัฒนาแล้วและมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 6 ของโลก ประเทศฝรั่งเศสยังเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวมากที่สุดในโลกอีกด้วย โดยมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติกว่า 82 ล้านคนต่อปี ประเทศฝรั่งเศสเป็นประเทศผู้ก่อตั้งสหภาพยุโรปและมีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มประเทศอีกด้วย ประเทศฝรั่งเศสยังเป็นประเทศผู้ก่อตั้งสหประชาชาติ เป็นสมาชิกประชาคมผู้ใช้ภาษาฝรั่งเศสโลก จีแปดนาโต้และสหภาพละติน ประเทศฝรั่งเศสยังเป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติและเป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์ที่มีหัวรบนิวเคลียร์กว่า 360 หัวรบและเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 59 แห่ง
ที่ตั้ง | ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของทวีปยุโรป ทิศเหนือติดกับเบลเยียม และ ลักเซมเบิร์ก ทิศตะวันออกติดกับเยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์และอิตาลี ทิศตะวันตกติดกับมหาสมุทรแอตแลนติก และทิศใต้ติดกับอันดอร์รา สเปน และทะเลเมดิเตอร์เรเนียน |
---|---|
พื้นที่ | ๖๗๕,๔๑๗ ตารางกิโลเมตร (รวมดินแดนโพ้นทะเล) |
เมืองหลวง | กรุงปารีส (paris) |
ประชากร | ๖๕.๙ ล้านคน (ปี ๒๕๕๕) |
ภูมิอากาศ | โดยทั่วไปฤดูหนาวไม่หนาวมาก และฤดูร้อนอากาศเย็นสบาย |
ภาษาราชการ | ฝรั่งเศส |
ศาสนา | คริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ร้อยละ ๘๕ อิสลาม ร้อยละ ๑๐ คริสต์นิกายโปรเตสแตนต์ ร้อยละ ๒ และยิว ร้อยละ ๑ |
หน่วยเงินตรา | ยูโร (euro) อัตราแลกเปลี่ยน ๑ ยูโร เท่ากับประมาณ ๔๒.๕๐ บาท (ณ วันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๖) |
ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ | ๒,๖๐๘.๗๐ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ปี ๒๕๕๕) |
รายได้ประชาชาติต่อหัว | ๓๕,๕๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ (ปี ๒๕๕๕) |
การขยายตัวทางเศรษฐกิจ | ร้อยละ ๐.๑ (ปี ๒๕๕๕) |
ระบอบการปกครอง | ระบอบประชาธิปไตยแบบกึ่งรัฐสภากึ่งประธานาธิบดี โดยมี ประธานาธิบดีซึ่งมาจากการเลือกตั้งเป็นประมุข ดำรงตำแหน่ง วาระละ ๕ ปี อยู่ในตำแหน่งได้ไม่เกิน ๒ วาระ และมีนายกรัฐมนตรี ซึ่งแต่งตั้งโดยประธานาธิบดีเป็นหัวหน้ารัฐบาล ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน คือ นายฟรองซัวส์ ออลองด์ (françois hollande) (ดำรงตำแหน่งเมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๕) ส่วน นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน คือ นายฌอง-มาร์ค เอโรต์ (jean-marc ayrault) (ดำรงตำแหน่งเมื่อวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๕) |
ที่มาและประวัติของชื่อ
คำว่า ฝรั่งเศส (France) มาจากคำในภาษาละตินว่า Francia ซึ่งแปลตามตรงว่า ดินแดนของชาวแฟรงก์ (Frankland) และมีหลายทฤษฎีที่สันนิษฐานถึงที่มาของคำว่าแฟรงก์ (Franks) ซึ่งหนึ่งในนั้นคือคำในภาษาโปรโต-เยอรมันว่า Frankon ซึ่งแปลว่า หลาว หอก หรือทวนซึ่งเป็นอาวุธของพวกแฟรงก์ เป็นที่รู้จักกันในชื่อ ฟรานซิสกา (Francisca)
อีกทฤษฎีหนึ่งตามหลักนิรุกติศาสตร์คือในภาษาเยอรมันโบราณ คำว่า แฟรงก์ แปลว่าอิสระ ซึ่งตรงกันข้ามกับความเป็นทาส โดยคำดังกล่าวยังคงปรากฏในภาษาฝรั่งเศสปัจจุบันในรูป ฟรังก์ (Franc) ซึ่งเป็นสกุลเงินของประเทศฝรั่งเศสจนกระทั่งเปลี่ยนเป็นสกุลเงินยูโรในปี พ.ศ. 2545
*ในปัจจุบันประเทศเยอรมนียังเรียกประเทศฝรั่งเศสว่า Frankreich ซึ่งแปลว่า อาณาจักรของชาวแฟรงก์ อีกด้วย
ภูมิศาสตร์
ขณะที่ประเทศฝรั่งเศสภาคพื้นทวีปยุโรป (La Métropole หรือ France métropolitaine) ตั้งอยู่ในภูมิภาคยุโรปตะวันตก ฝรั่งเศสก็ยังมีดินแดนที่ตั้งอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือ ทะเลแคริบเบียน อเมริกาใต้ มหาสมุทรอินเดียทางตะวันตกและทางใต้ มหาสมุทรแปซิฟิกใต้ รวมทั้งบางส่วนในทวีปแอนตาร์กติกาอีกด้วย
ประเทศฝรั่งเศสภาคพื้นทวีปยุโรปนั้นมีพื้นที่ 543,935 ตารางกิโลเมตร (210,013 ตารางไมล์) ทำให้ประเทศฝรั่งเศสเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มสหภาพยุโรป ซึ่งใหญ่กว่าประเทศสเปนเพียงนิดเดียว ประเทศฝรั่งเศสมีพื้นที่ครอบคลุมลักษณะภูมิประเทศที่หลากหลายมาก ตั้งแต่ที่ราบชายฝั่งในภาคเหนือและตะวันตก ซึ่งติดกับทะเลเหนือและมหาสมุทรแอตแลนติก ไปจนถึงเทือกเขาแอลป์ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ ที่ราบสูงมาซิฟซ็องทราลทางภาคใต้ตอนกลางและเทือกเขาพิเรนีสทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ ประเทศฝรั่งเศสยังมีจุดที่สูงที่สุดในทวีปยุโรปตะวันตกคือ ยอดเขามงบล็อง (Mont Blanc) ซึ่งสูง 4,807 เมตร (15,770 ฟุต) ตั้งอยู่บนเทือกเขาแอลป์บริเวณชายแดนประเทศฝรั่งเศสและอิตาลี
ประเทศฝรั่งเศสภาคพื้นทวีปยุโรปยังมีแม่น้ำต่าง ๆ ที่สำคัญอีกมากมาย เช่น แม่น้ำลัวร์ แม่น้ำการอน แม่น้ำแซน และแม่น้ำโรนซึ่งแบ่งที่ราบสูงมาซิฟซ็องทราลออกจากเทือกเขาแอลป์อีกด้วย โดยไหลลงทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่กามาร์ก ซึ่งเป็นจุดที่ต่ำที่สุดในประเทศฝรั่งเศส (2 เมตร หรือ 6.5 ฟุต จากระดับน้ำทะเล) และยังมีกอร์ส (คอร์ซิกา) ตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
พื้นที่ของประเทศฝรั่งเศส รวมทั้งจังหวัดและดินแดนโพ้นทะเล (ไม่รวมดินแดนอาเดลี) คือ 674,843 ตารางกิโลเมตร (260,558ตารางไมล์) นับเป็น 0.45% ของพื้นแผ่นดินโลกทั้งหมด แต่อย่างไรก็ตามประเทศฝรั่งเศสครอบครองพื้นที่เขตเศรษฐกิจจำเพาะเป็นอันดับสองของโลก ด้วยเนื้อที่ 11,035,000 ตารางกิโลเมตร (4,260,000 ตารางไมล์) นับเป็น 8% ของพื้นที่เขตเศรษฐกิจจำเพาะทั้งหมดในโลก ตามหลังสหรัฐอเมริกา ไปเพียง 316,000 ตารางกิโลเมตร และนำประเทศออสเตรเลียกว่า 2,886,750 ตารางกิโลเมตร
ประเทศฝรั่งเศสภาคพื้นทวีปยุโรปตั้งอยู่ระหว่าง 41° and 50° เหนือ บนขอบทวีปยุโรปตะวันตกและตั้งอยู่ในภูมิอากาศเขตอบอุ่นเหนือ ทางภาคเหนือและตะวันตกเฉียงเหนือมีสภาพภูมิอากาศเขตอบอุ่น แต่กระนั้นภูมิประเทศและทะเลก็มีอิทธิพลต่อภูมิอากาศเหมือนกัน ละติจูด ลองจิจูดและความสูงเหนือระดับน้ำทะเลทำให้ประเทศฝรั่งเศสมีภูมิอากาศแบบคละอีกด้วย ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้มีสภาพภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน ภาคตะวันตกส่วนมากจะมีปริมาณน้ำฝนสูง ฤดูหนาวไม่มากและฤดูร้อนเย็นสบาย ภายในประเทศภูมิอากาศจะเปลี่ยนไปทางภาคพื้นทวีปยุโรป อากาศร้อน มีมรสุมในฤดูร้อน ฤดูหนาวหนาวกว่าเดิมและมีฝนตกน้อย ส่วนภูมิอากาศเทือกเขาแอลป์และแถบบริเวณเทือกเขาอื่น ๆ ส่วนมากมักจะมีภูมิอากาศแถบเทือกเขา ด้วยอุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็งกว่า 150 วันต่อปีและปกคลุมด้วยหิมะกว่า 6 เดือน
ประวัติศาสตร์
ชาวฝรั่งเศสสืบเชื้อสายมาจากพวกโกล (Gaul)ในศตวรรษที่ 1 จากนั้นตกมาอยู่ใต้การปกครองของพวกแฟรงก์ (ชื่อประเทศ France มาจากคำว่าแฟรงก์เช่นกัน) ปกครองด้วยระบอบกษัตริย์ที่มีบันทึกว่าเริ่มในศตวรรษที่ 5 เมื่อพระเจ้าชาร์เลอมาญตั้งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ใน ค.ศ. 843 ก็มีอาณาเขตครอบคลุมทั้งฝรั่งเศสและเยอรมนี
ราชสำนักฝรั่งเศสขึ้นสู่จุดสูงสุดในรัชสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ซึ่งในยุคนี้ฝรั่งเศสได้เป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในยุโรป และมีอำนาจทางการเมือง เศรษฐกิจศิลปะ และวัฒนธรรม ต่อยุโรปเป็นอย่างมาก
ฝรั่งเศสปกครองด้วยระบอบกษัตริย์จนถึงสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 16ในปี ค.ศ. 1792 จึงเปลี่ยนมาใช้ระบอบสาธารณรัฐ หลังจากนั้นนโปเลียน โบนาปาร์ตได้ตั้งตัวเองเป็นจักรพรรดิและรุกรานประเทศอื่น ๆ ในทวีปยุโรป เมื่อนโปเลียนพ่ายแพ้ ฝรั่งเศสจึงกลับมาใช้ระบบสาธารณรัฐอีกครั้ง เรียกว่ายุคสาธารณรัฐที่สอง แต่ก็อยู่ได้ไม่นานเพราะหลุยส์ นโปเลียน หลานลุงของนโปเลียนได้ยึดประเทศและตั้งจักรวรรดิที่สองอีกครั้ง
ตั้งแต่ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 17 ถึง ทศวรรษที่ 60 ซึ่งเป็นยุคล่าอาณานิคม จักรวรรดิฝรั่งเศสมีพื้นที่ใหญ่มาก โดยช่วงที่ใหญ่ที่สุดคือช่วงยุคทศวรรษที่ 20 ถึง 30 ซึ่งมีกว่า 12,898,000 ตารางกิโลเมตร และเป็นจักรวรรดิอันดับสองของโลก รองมาจากจักรวรรดิอังกฤษ
ฝรั่งเศสได้รับความบอบช้ำอย่างหนักจากสงครามโลกทั้งสองครั้ง ปัจจุบันใช้การปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบที่มีทั้งประธานาธิบดี และนายกรัฐมนตรี (เรียกยุคสาธารณรัฐที่ห้า) ทศวรรษที่ผ่านมาฝรั่งเศสและเยอรมนีเป็นผู้นำของการรวมตัวตั้งประชาคมยุโรป ซึ่งพัฒนามาเป็นสหภาพยุโรปในปัจจุบัน
ฝรั่งเศสยังเป็น 1 ใน 5 สมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และเป็นประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง
การเมือง
สาธารณรัฐฝรั่งเศสปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย แบบสาธารณรัฐเดี่ยวกึ่งประธานาธิบดี รัฐธรรมนูญแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศสได้ประกาศใช้เมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2501 โดยผ่านการลงประชามติ สาระสำคัญในรัฐธรรมนูญนั้นคือการเพิ่มอำนาจประธานาธิบดี
บริหาร
อำนาจฝ่ายบริหารนั้นถูกแบ่งออกและมีหัวหน้า 2 คน ซึ่งก็คือประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐ ผ่านการเลือกตั้งโดยตรงแบบสากล มีวาระ 5 ปี (เดิม 7 ปี) มีตำแหน่งประมุขแห่งรัฐอีกด้วย และนายกรัฐมนตรี หัวหน้าคณะรัฐบาล ซึ่งถูกแต่งตั้งโดยประธานาธิบดี
นิติบัญญัติ
รัฐสภาฝรั่งเศสนั้นแบ่งออกเป็น 2 สภาได้แก่ สภาผู้แทนราษฎร (Assemblée Nationale) และ วุฒิสภา (Sénat) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นตัวแทนในเขตเลือกตั้ง มาจากการเลือกตั้งโดยตรง มีวาระ 5 ปี สภาผู้แทนราษฎรมีอำนาจในการอภิปรายไม่ไว้วางใจคณะรัฐมนตรีและเสียงข้างมากในสภาสามารถกำหนดการตัดสินใจของรัฐบาลอีกด้วย สมาชิกวุฒิสภามาจากการเลือกของคณะผู้เลือกตั้ง มีวาระ 6 ปี (เดิม 9 ปี)
การแบ่งเขตการปกครอง
- 22 แคว้น (regions - régions) ได้แก่
|
|
1.แคว้นอาลซัส
อาลซัส (ฝรั่งเศส: Alsace) หรือ แอลซ็อส (อัลเซเชียน: Elsàss) เป็นหนึ่งใน 26 แคว้นในประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่บริเวณพรมแดนทางทิศตะวันออกของประเทศฝรั่งเศส และทางทิศตะวันตกของแม่น้ำไรน์ ติดกับประเทศเยอรมนีและสวิตเซอร์แลนด์มีเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดคือเมืองสตราสบูร์ก เดิมเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ และต่อมาประเทศฝรั่งเศสกับเยอรมนีผลัดกันครอบครองแคว้นอาลซัสในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 และ 20
เดิมอาลซัสเคยเป็นของเยอรมนี แต่หลังจากสงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซีย ฝรั่งเศสแย่งแคว้นอาลซัสและลอแรนไปจากเยอรมนีทำให้ชาวอาลซัสและชาวลอแรนไม่พอใจฝรั่งเศส จึงเกิดสงครามฝรั่งเศส-อาลซัสและสงครามฝรั่งเศส-ลอแรน โดยฝรั่งเศสต้องสู้กับชาวอาลซัสและชาวลอแรน แต่ในที่สุดฝรั่งเศสก็สามารถปราบชาวอาลซัสและลอแรนลงได้
ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 แคว้นอาลซัสค่อย ๆ ถูกปรับปรุงในรัชสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 และพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 และกลายเป็นจังหวัดหนึ่งในประเทศฝรั่งเศส บ่อยครั้งที่แคว้นอาลซัสได้ถูกกล่าวรวมกับแคว้นลอแรน เนื่องจากการครอบครองดินแดนของแคว้นทั้งสอง (อาลซัส-ลอแรน) เป็นที่เลื่องชื่อในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19-20
จนถึงสงครามโลกครั้งที่หนึ่งเยอรมนีรวมกับปรัสเซียและไซลีเซียเข้าโจมตีฝรั่งเศสและสามารถยึดอาลซัสและลอแรนคืนมาได้ระยะหนึ่ง พอเยอรมนีแพ้สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ฝรั่งเศสซึ่งชนะสงครามจึงเอาอาลซัสและลอแรนคืนมา หลังจากนั้นในสงครามโลกครั้งที่สอง นาซีเยอรมันได้เข้ายึดปารีสและขู่ให้ฝรั่งเศสยกอาลซัสและลอแรนคืนให้เยอรมนี อาลซัสและลอแรนจึงกลับเป็นของเยอรมนีอีกครั้ง เมื่อเยอรมนีนาซีแพ้สงครามโลกครั้งที่สอง เยอรมนีก็คืนอาลซัส-ลอแรนแก่ฝรั่งเศส
ในช่วงสงครามเย็นชาวเยอรมันในอาลซัสและลอแรนก็ประท้วงกันอีกครั้ง รัฐบาลฝรั่งเศสต้องคอยปราบปรามเลยยอมให้ชาวอาลซัสและชาวลอแรนใช้ภาษาเยอรมันได้ในที่สุด แต่ชาวเยอรมันบางกลุ่มไม่พอใจยังก่อการร้ายในอาลซัสอยู่เรื่อยมาจนเป็นปัญหาถึงทุกวันนี้ ปัจจุบันอาลซัสเป็นของฝรั่งเศสอย่างสมบรูณ์ แม้ว่าแคว้นอาลซัสจะเป็นแคว้นที่มีคนพูดภาษาเยอรมันอยู่มากทางประวัติศาสตร์ แต่ปัจจุบันชาวอาลซัสก็สามารถพูดภาษาฝรั่งเศสประมาณร้อยละ 25 ของประชากรพื้นเมืองสามารถพูดภาษาอัลเซเชียน (Alsatian) โดยเป็นภาษาแม่หรือภาษาเยอรมัน (เป็นภาษาที่ 2)
2.แคว้นอากีแตน
อากีแตน (ฝรั่งเศส: Aquitaine,) เป็นหนึ่งใน 26 แคว้นในประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่บริเวณทิศตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศส ติดกับมหาสมุทรแอตแลนติกและเทือกเขาพิเรนีส ติดกับพรมแดนประเทศสเปน
แคว้นอากีแตนมีเนื้อที่ 41,308 ตารางกิโลเมตร คิดเป็นร้อยละ 7.6 ของพื้นที่ประเทศฝรั่งเศสทั้งหมด มีพรมแดนทางทิศใต้ติดต่อกับประเทศสเปน ทิศตะวันออกติดกับแคว้นมีดี-ปีเรเน ทิศเหนือติดกับแคว้นปัวตู-ชาร็องต์และลีมูแซ็ง ส่วนทางทิศตะวันตกติดกับมหาสมุทรแอตแลนติก
6 สถานที่ท่องเที่ยวในฝรั่งเศส
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องการมาทัวร์ฝรั่งเศส กรุงปารีสเป็นเมืองอันดับแรกที่คุณและนักท่องเที่ยวทุกคนต้องนึกถึง
กรุงปารีสเป็นเมืองหลวงของฝรั่งเศสและเป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดของ ประเทศ เฉพาะในตัวเมืองนั้นมีประชากรมากถึง 12 ล้านคนเลยทีเดียว
ฝรั่งเศส มีสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆที่น่าสนใจทั้งในด้านศิลปะ วัฒนธรรม การเมือง ฯ รวมทั้งยังมีอาหารแปลกๆรสเลิศที่น่าไปลองลิ้มชิมรสเป็นอย่างยิ่ง
พิพิธภัณฑ์, ล่องเรือชมแม่น้ำแซนน์, พระราชวังแวร์ซายส์, หอไอเฟล, ประตูชัยชองเอลิเซ่, แกลลอรีลาฟาแยต เป็นสถานที่อันดับต้นๆที่ผู้ที่รักการเดินทางต้องไปเยือนหากมาเที่ยวฝรั่งเศส กรุงปารีส
นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวแล้วกรุงปารีส นั้นยังขึ้นชื่อเรื่องอาหารเลิศรส สูตรเฉพาะดั่งเดิมที่สามารถหารับประทานได้ที่นี่ กรุงปารีส ที่เดียวเท่านั้น
1. พิพิธภัณฑ์ลูฟว์ (Louvre Museum) – ทัวร์ฝรั่งเศษ

สถานที่แห่งแรกที่ท่านจะมาหลังจากมาถึงกรุงปารีสแล้วก็คือ พิพิธภัณฑ์ลูฟว์ ซึ่งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป
ตอนแรกพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถูกสร้างเพื่อให้เป็นป้อมปราการ คุณจะสามารถเห็นกำแพงแบบดั้งเดิมตั้งแต่สมัย ค.ศ. 1190 ในชั้นใต้ดินของพิพิธภัณฑ์ ซึ่งในศตวรรตที่ 16 ได้กลายมาเป็นวังที่มีสไตล์แบบเรเนซองส์ ซึ่งที่นี่ได้เก็บรวบรวมศิลปะของราชวงศ์ฝรั่งเศสไว้มากมาย มีหลายชิ้นมาจากจิตกรชื่อก้องโลกอย่าง Leonardo Di Vinci และ Raphael (ศิลปะพวกนี้ได้ถูกขโมยมาจากอิตาลี)
จากนั้นวังแห่งนี้ถูกขยายและปรับ ปรุงใหม่จนมีขนาดใหญ่โตมากและถูกใช้เป็นที่พำนักของ พระองศ์เจ้าหลุยส์ที่ 14 ก่อนที่พระองศ์จะย้ายไปอยู่ที่พระราชวังศ์แวร์ซายส์ หลังจากนั้นไม่นานสถานที่แห่งนี้กลายเป็นที่รวมของบาร์และสถานเริงรมย์มากมาย
พิพิธภัณฑ์ลูฟหลังช่วงที่เป็นสถานเริงรมย์อยู่พักใหญ่ก็ได้กลายมา เป็นสถานที่ที่เก็บชิ้นงานศิลปสะสมมากกว่า 2500 ชิ้นงาน ของพระองศ์เจ้าหลุยส์ที่ 14 และพระนางมารี อองตัวเนต ไม่นานหลังจากที่ทั้งสองพระองศ์ได้ถูกประหารใน ค.ศ. 1793
หลังจากเหตุการณ์ปฎิวัติฝรั่งเศส พิพิธภัณฑ์ลูฟว์ ได้ถูกเปิดให้สาธารณะชนได้เข้าชมอย่างเสรี ที่นี่เป็นที่เก็บรวบรวมผลงานทางศิลปะชื่อดังมากมาย เช่น Venus di Milo, Mona Lisa, Winged Victory of Samothrace และผลงานชิ้นเอกทางด้านงานปั้นจากยุคโบราณของ กรีก, โรมัน, อียิปต์ รวมถึงผลงานทางศิลปะของตะวันตกยุคกลางมากมายยังถูกรวบรวมเก็บไว้ที่นี่ด้วย แต่อย่าคิดว่าจะเดินชมงานศิลปะต่างๆให้หมดได้ภายในวันเดียวนะครับ เพราะที่นี่กว้างขวาง ใหญ่โตมาก หากคุณเป็นคอศิลปะแล้วหละก็อาจจะต้องใช้เวลามาเดินชมที่นี่ 2 วันเป็นอย่างน้อย
หรือแม้ว่าคุณอาจจะไม่ใช่คอศิลปะตัวยง แต่เชื่อเถอะครับว่า ถ้าได้มาเยือนพิพิธภัณฑ์ลูฟว์ซักครั้ง คุณจะประทับใจกับงานศิลปะยุคโบราณและจะทำให้ทัวร์ฝรั่งเศสของคุณน่าประทับใจ ขึ้นเป็นอย่างมาก

2. ร่องเรือบาโตมูซผ่านแม่น้ำแซนน์ ชมวิวอันสวยสดงดงามของกรุง ปารีส

เรือบาโตมูซ เป็นบริการทัวร์ปารีสที่โด่งดังที่สุดของเมืองเลยก็ว่าได้ หากใครที่มาปารีสไม่ได้มาล่องเรือบาโตมูซผ่านแม่น้ำแซนน์ ถือว่าไม่ได้มาถึงปารีส
นักท่องเที่ยวนับพันจะต้องประทับใจ เมื่อได้มานั่งบนเรือสีขาว ที่นั่งสีส้ม ที่จะพาท่านไปผ่านสถานที่สำคัญต่างๆของปารีส เช่น โบสน์นอร์ธเธอดาม Musee d’Orsay, หอไอเฟล, พิพิธภัณฑ์ลูฟท์
สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาปารีส ครั้งแรกการลงเรือบาโตมูซ จะทำให้คุณได้เห็นสถานที่สำคัญต่างๆของปารีสภายในการล่องเรือเพียงครั้ง เดียว ที่สำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวที่พิการ หรือ อาจจะสูงวัยซักหน่อยจนไม่สามารถเดินได้เป็นระยะเวลานานๆคงจะถูกใจเป็นอย่าง มากกับบริการล่องเรือที่มีราคาไม่แพง แต่มีคุณภาพอย่างบาโตมูซ ส่วนในยามค่ำคืนคู่รักจะมาใช้เวลาหวานชื่นร่วมกันบนเรือบาโตมูซก็จะทำให้รัก ของคุณหวานช่ำมากขึ้นจากแสงสลัวโรแมนติกจากสองฝากฝั่งแม่น้ำแซนน์ รับประกันว่าการล่องเรือครั้งนี้จะไม่ทำให้ทัวร์ฝรั่งเศสของคุณจืดชืดแน่นอน
การล่องเรือบาโตมูซนั้นมีให้เลือกนั่งสองแบบ ทั้งแบบโอเพนแอร์ชั้นบน และ ห้องกระจกด้านล่าง (แนะนำสำหรับหน้าหนาว) ความประทับใจจากการล่องเรือไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันซักเท่าไหร่ รับประกันความประทับใจ 100%

3. พระราชวังแวร์ซายส์ (Varsaile Palace) – ทัวร์ฝรั่งเศษ

พระราชวังแวร์ซายส์อยู่ห่างออกไป 20 กิโลเมตรจากปารีส พระราชวังแวร์ซายส์นั้นได้ถูกจัดให้เป็นพระราชวังในสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 เนื่องจากพระองศ์หลงรักในความสวยงามของภูมิทัศน์ของเมืองแห่งนี้
ในรัชสมัยของพระองค์เจ้าหลุยส์ที่ 14 ในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมือง พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ได้ย้ายที่พำนักออกจาก ราชวังลูฟว์ (พิพิธพัณฑ์ลูฟว์ในปัจจุบัน) มาที่พระราชวังแวร์ซายส์
หลังจากได้มาพำนัก ณ แวร์ซายส์ พระองค์เจ้าหลุยส์ที่ 14 ได้ทำการขยายและปรับปรุงพระราชวังแวร์ซายส์ครั้งใหญ่ รวมทั้งมีการจ้างสถาปนิกชื่อดังของฝรั่งเศสในสมัยนั้นมาร่วมงานด้วย (สถาปนิก Louis Le Vau, จิตกร Charles Le Brun, มัณฑนากร Andre le Notre) หลังจากนั้นได้ถูกขยายใหญ่ขึ้นอีก 3 เท่า โดยใช้เงินจำนวนมหาศาลในการขยายครั้งนั้น ด้วยเหตุนี้ทำให้พระราชวังแวร์ซายส์ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามของสถาปนิก สไตล์บาโรก และได้กลายเป็นรูปแบบของราชวังที่หลายๆประเทศของยุโรปเอาเป็นแบบอย่างเรื่อย มา
ปัจจุบันนักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้เกือบทุกส่วนภายในของ พระราชวัง รวมไปถึงสวนนอกปราสาทที่ขึ้นชื่อด้านความสวยงามติดอันดับต้นๆของโลกด้วยเช่น กัน
เมื่อพูดถึงสวนของพระราชวังแวร์ซายส์ สวนแห่งนี้เป็นสวนที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป สวนแห่งนี้ถูกออกแบบโดย มัณฑนากร Andre le Notre ผู้ที่ถูกขนานนามว่าออกแบบสไตล์สวน ที่กลายมาเป็นแบบพื้นฐานของสวนในราชวังในยุโรป
สวนแห่งนี้ยังมีน้ำพุ ที่ถูกออกแบบมาอย่างดีรายลอบตามจุดต่างๆ รวมถึงอาคารหรูหราเล็กๆหลายๆจุดในสวนแห่งนี้ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้ทั้งหมด แต่ต้องใช้เวลาซักหน่อยเพราะสวนแห่งนี้มีความกว้างขวางมากประมาณ 250 เอเคอร์เลยทีเดียว
บรรยายมาขนาดนี้แล้วคงไม่ต้องบอกถึงความสวยงามว่าจะอลังการขนาดไหน ถ้าหากคุณได้มาทัวร์ฝรั่งเศสที่นี่รับรองว่าจะต้องตระการตากับความยิ่งใหญ่ของพระราชวังแวร์ซายน์ของประเทศฝรั่งเศสที่ถือได้ว่าเป็นแบบอย่างของพระราชวังของยุโรป

4. หอไอเฟล (Eiffel Tower) – ปารีส

คงไม่มีคิดที่จะมาทัวร์ปารีส ฝรั่งเศส แล้วไม่คิดจะแวะมาที่หอไอเฟลเป็นแน่ ซึ่งหอไอเฟลเคยเป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมที่มีความสูงที่สุดของโลก ที่สำคัญหอไอ้เฟลยังเป็นแลนมาร์คที่น่าจะเป็นที่รู้จักมากที่สุดของยุโรปและ เป็นสัญลักษณ์ตัวแทนของกรุงปารีสอีกด้วย
หอไอเฟลนั้นสูง 300 เมตร สูงกว่าอนุสรณ์กรุงวอชิงตันถึงสองเท่า ซึ่ง ณ เวลาที่สร้างเสร็จ หอไอเฟล ถือว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในโลก (ค.ศ. 1889) คุณจะสามารถมองเห็นสถานที่ต่างๆทั้งหมดของกรุงปารีสผ่านจุดยอดสุดของหอไอเฟล
หอไอเฟลนั้นถูกสร้างขึ้นเพื่อการเฉลิมฉลองครบ 100 ปี ของการปฎิวัติชาติฝรั่งเศสในปี 1789 ซึ่งหอไอเฟลไม่ได้ตั้งใจแต่แรกให้กลายมาเป็นสิ่งก่อสร้างในยุคปัจจุบัน แต่ผู้สร้างต้องการแค่ให้หอไอเฟลตั้งตระหง่านอยู่แค่ในช่วงวันเฉลิมฉลองเท่านั้น
เรื่องน่าสนใจก็คือนักสถาปนิกและเหล่าศิลปินร่วมสมัยในยุคนั้น ต่างไม่พอใจกับการที่มีหอไอเฟล สูงโดดเด่นอยู่กลางกรุงปารีส เพราะมันดูไม่เข้ากับสิ่งปลูกสร้างอื่นๆของกรุงปารีส แต่วันนี้ชาวเมืองปารีสทุกคนคงพูดได้แล้วหละครับว่า ปารีสคงไม่เป็นปารีสถ้าหากขาดหอไอเฟลไป

5. ถนนชองเอลิเซ่ และ ประตูชัยนโปเลียนแห่งฝรั่งเศส

ถนนชองเอลิเซ่ ถนนที่มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ทางการเมืองและวัฒนธรรมของชาวปารีสและ ประเทศฝรั่งเศส และเป็นถนนที่สวยงามและมีชื่อเสียงที่สุดของกรุงปารีส นักท่องเที่ยวสามารถเดินตามถนนสายนี้ไปสู่ประตูชัยนโปเลียน ซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานที่สำคัญในกรุงปารีส และที่นี่นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมชั้นบนของประตูชัยได้ โดยเดินขั้นบันได 284 ขั้น หรือใช้ลิฟต์ รายลอบถนนเส้นนี้ยังมีร้านค้าต่างๆ เช่นร้านค้าของฝากและร้านค้าต่างๆไว้บริการนักท่องเที่ยวที่มาทัวร์ปารีส ให้ได้ช็อปสินค้าจากฝรั่งเศสกลับบ้านกันอย่างจุใจ

6. ห้างแกลเลอรี่ ลาฟาแยตต์ (Galleries Lafayette)

ห้างแกลเลอรี่ ลาฟาแยตต์ (Galleries Lafayette) เป็นห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดในประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่ ใกล้กับโรงโอเปร่าการ์นิเยร์ (Opera Ganier) มีสาขาอยู่ตามเมืองใหญ่ๆมากมายในหลายๆประเทศ แต่ที่ดูจะโด่งดังขึ้นชื่อที่สุดคงเป็นสาขาปารีส ที่ตั้งอยู่บนถนนโฮสมานน์ (Boulevard Haussman) ชื่อเสียงอันโด่งดังของแกลเลอรี่ ลาฟาแยตต์ ต้องขอบคุณ ชื่อเสียงของเมืองปารีสที่ประชาชนทั่วโลกรู้กันอยู่ว่าเป็นเมืองแห่งความ หรูหราและแฟชั่นอันดับหนึ่งของโลก และทำให้การทัวร์ปารีสมีสถานที่ช้อปปิ้งสุดพิเศษให้ผู้ที่มาทัวร์ปารีสได้ไป สัมพัสกัน
สถานที่แห่งนี้เป็นสวรรค์ของนักช็อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมที่ นิยมความหรูหรา ล้ำสมัย ทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ ผลิตภัณฑ์ตกแต่งภายใน เครื่องสำอาง สินค้าทุกชิ้นที่นี่ถูกอัพเดท ให้ใหม่ล่าสุดไม่ตกเทรนด์อยู่ตลอดเวลา เรียกว่าอะไรใหม่ๆมา แกลเลอรี่ ลาฟาแยตต์มีของก่อนห้างอื่นๆเสมอ
แกลเลอรี่ ลาฟาแยตต์ยังมีซูเปอร์มาเก็ต เอาไว้ให้นักช็อปได้เลือกซื้อสินค้าประเภทอาหารแบบฝรั่งเศส Lafayette Gourmet ซึ่งสินค้าต่างๆในซูเปอร์จะเน้นเป็นอาหารสไตล์ฝรั่งเศสและบรรยากาศภายในถูก ตกแต่งแบบตะวันออกกลาง สไตล์บาซาร์ เรียกว่าหรูหราไฮโซ แถมอาหารยังเลิศรสอีกต่างหาก
ตัวห้างนั้นจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ
- Lafayette Coupole – พื้นที่ช่วงกลางของห้าง คุณสามารถเลือกซื้อสินค้าวัยรุ่นและเด็กได้ที่นี่ เครื่องสำอาง เพชรพลอย เครื่องประดับ หนังสือ สินค้าเกี่ยวกับเพลง และ อุปกรณ์อิเล็กโทรนิค ก็สามารถหาซื้อหาชมได้ที่นี่เช่นกัน Lafayette Marriage Boutique ร้านอาหาร และ ทางเดินกว้างของชั้นบนสุดทำให้คุณได้มองเห็น วิว อันสวยงาม ของห้างแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี
- Lafayette Homme – เชื่อมต่อกับพื้นที่หลักของห้าง มีสินค้าผู้ชายและเครื่องประดับชายขาย รวมทั้ง Lafayette Gourmet ซูเปอร์มาเก็ตของห้างอีกด้วย
- Lafayette Maison – เพียงเดินข้ามถนนมานิดเดียวก็จะเจอกับ Lafayette Maison ซึ่งที่นี่คุณสามารถเลือกชมสินค้าประเภทเฟอร์นิเจอร์ได้อย่างจุใจ


นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจต่างๆของปารีสแล้วอาหารยังเป็นอีกฟีเจอร์ หนึ่งของการทัวร์ฝรั่งเศส กรุงปารีส ที่คุณต้องลองได้สัมผัสกับอาหารหน้าตาประหลาด(สำหรับคนไทยอย่างเรา) อย่างหอยทากเอสคาโก้ (escargot) ที่เซิฟพร้อมซอสมากมายหลายชนิด ห้ามพลาดเป็นอันขาดหากคุณได้มาทัวร์ฝรั่งเศส

สรุปแล้วการ ทัวร์ฝรั่งเศส ทัวร์ปารีส ของคุณจะไม่ผิดหวังแน่นอนหากได้ไปเที่ยวและลองสิ่งต่างๆตามข้อมูลด้านบน และข้อมูลการทัวร์ฝรั่งเศสในบทความนี้คงทำให้หลายๆคนอยากไปเที่ยวฝรั่งเศส กันเป็นแน่ หากใครมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทัวร์ต่างๆ หรือการท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ โพสน์สอบถามได้ตลอดนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น